12 สูตรทำน้ำยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ไว้ทำความสะอาดบ้านกำจัดไวรัสร้าย

          สูตรน้ำยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ไว้ใช้ทำความสะอาดบ้าน พร้อมอัตราส่วนผสมและหลักการใช้ นี่แหละตัวช่วยให้บ้านและของใช้สะอาด ปราศจากโคโรนาไวรัสหรือโควิด 19

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "น้ำยาฆ่าเชื้อ" เป็นหนึ่งในไอเทมที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้ เพราะว่าการระบาดของ COVID-19 ทำให้เราทุกคนต้องหันมาดูแลรักษาความสะอาดกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ออกมาสรุปเรื่องการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับทำความสะอาดพื้นผิว โดยอิงตามสารสำคัญ พร้อมระบุความเข้มข้นขั้นต่ำในการใช้ ดังนี้

          – เอทิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 70%

          – โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว) ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 0.1%

          – ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 0.5%

          – ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 70%

          – เบนซาลโคเนียมคลอไรด์ ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 0.05%

          – คลอโรไซลินอล ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 0.12%

          – โพวิโดนไอโอดีน ความเข้มข้นขั้นต่ำในการฆ่าเชื้อ 1% ของไอโอดีน
 

Tips ก่อนใช้

          – ควรสวมถุงมือยางก่อนทำความสะอาดป้องกันการระคายเคือง
          – อ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์และใช้ส่วนผสมให้เหมาะกับน้ำยาแต่ละประเภท
          – ควรทำความสะอาดพื้นผิวก่อนใช้น้ำยาทำความสะอาด
          – ไม่ควรผสมน้ำยาหลายประเภทเข้าด้วยกัน
          – ควรทิ้งระยะเวลาให้น้ำยาออกฤทธิ์หลังทำความสะอาด
 
สูตรน้ำยาทำความสะอาดป้องกัน COVID-19

1. ผงซักฟอกทั่วไป

          การทำความสะอาดวัสดุที่เป็นผ้า เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน และพรมเช็ดเท้า ให้ผสมผงซักฟอกกับน้ำร้อน 70 องศาเซลเซียล แล้วซักตามปกติ เพื่อช่วยกำจัดเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างมีประสิทธิภาพ
 
2. เดทตอล รุ่น ไฮยีน มัลติ-ยูส ดิสอินแฟคแทนท์

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : officemate

          น้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เดทตอล (Dettol) รุ่น ไฮยีน มัลติ-ยูส ดิสอินแฟคแทนท์ (Hygiene multi-use disinfectant) หรือสังเกตง่าย ๆ ไม่มีมงกุฎสีฟ้า มีสารเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium chloride or Alkyl dimethyl benzyl ammonium chloride) ที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้เป็นส่วนประกอบ โดยมีความเข้มข้น 2.4% ซึ่งจากข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ทำความสะอาดและกำจัดเชื้อไวรัสบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ในความเข้มข้นตั้งแต่ 0.05% ขึ้นไป ฉะนั้นจึงควรนำมาเจือจางก่อนเพื่อไม่ให้รุนแรงมาก โดยให้ผสมน้ำยา 1 ส่วน เข้ากับน้ำเปล่า 47 ส่วน ทั้งนี้ควรตรวจสอบความเข้มข้นหลังเจือจางอีกครั้ง และไม่ควรใช้กับผิวหนังโดยตรง เพราะถ้าหากสารเข้มข้นเกินไป อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนังได้
3. เดทตอล รุ่น แอนตี้เซพติก ดิสอินแฟคแทนท์

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : officemate

          อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากเดทตอลที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสได้ คือ เดทตอล (Dettol) รุ่น แอนตี้เซพติก ดิสอินแฟคแทนท์ (Antiseptic disinfectant) หรือสังเกตง่าย ๆ มีมงกุฎสีฟ้า เพราะน้ำยาชนิดนี้มีสารคลอโรไซลินอล (Chloroxylenol) ความเข้มข้น 4.8% โดยวิธีการใช้งาน คือ นำน้ำยา 1 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 39 ส่วน เพื่อเจือจางให้สารชนิดดังกล่าวมีความเข้มข้นเหลือเพียง 0.12% ซึ่งปลอดภัยและเพียงพอแล้วสำหรับการกำจัดเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัส ที่สำคัญคือ ควรใช้ทันทีหลังผสมเสร็จ ไม่ต้องรอและไม่ต้องผสมเก็บไว้ ส่วนเรื่องความระคายเคือง ก็อาจมีบ้างเล็กน้อย ถ้าหากผสมไม่ถูกต้อง
4. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีไฮยีน

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : iphouses

          ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีไฮยีน (Hygiene) เป็นอีกหนึ่งน้ำยาทำความสะอาดที่ฆ่าเชื้อไวรัสได้ ทั้งยังใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะซักผ้า หรือเช็ดทำความสะอาดพื้นผิว เช่น ลูกบิด โต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน และอ่างล้างหน้า เนื่องจากมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ความเข้มข้น 7.5% ซึ่งปกติแล้วแค่มีสารชนิดนี้ที่ความเข้มข้นอย่างน้อย 0.5% ก็มีประสิทธิภาพมากพอแล้ว ดังนั้นจึงต้องเจือจางก่อน โดยให้ผสมผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีไฮยีน 1 ฝา หรือประมาณ15 มิลลิลตร เข้ากับน้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร
5. ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวไฮยีน

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : iphouses

          สำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวไฮยีน (Hygiene) มีประสิทธิภาพคล้ายกันกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าสี แต่ว่าสารที่กำจัดไวรัสได้เป็นสารคนละชนิด โดยในผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวจะเป็นสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium hypochlorite) หรือสารฟอกขาว (Bleach) ซึ่งมีความเข้มข้นอยู่ที่ 6% ทว่าตามคำแนะนำควรใช้อย่างน้อย 0.1% จึงควรนำมาเจือจางด้วยการผสมผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาวไฮยีน 1 ฝา หรือประมาณ 15 มิลลิลิตร เข้ากับน้ำเปล่า 150 มิลลิลิตรก่อน จากนั้นก็นำไปใช้ซักหรือทำความสะอาดได้ตามปกติเลย
6. ไฮเตอร์

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : kao

          สารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium hypochlorite) หรือสารฟอกขาว (Bleach) ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฮเตอร์ (Haiter) ถือเป็นสารยอดฮิตที่องค์กรต่าง ๆ แนะนำให้ใช้ทำความสะอาด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อสูง แต่ว่าค่อนข้างแรง มีกลิ่นฉุน กัดกร่อนสเตนเลส และทำให้ผิวหนังปวดแสบปวดร้อนได้ ดังนั้นจึงต้องนำมาเจือจางก่อนใช้ แต่ต้องให้มีความเข้มข้น 0.1% ขึ้นไป ซึ่งในไฮเตอร์มีสารชนิดนี้อยู่ 6.0% วิธีการเจือจางจึงเป็น นำน้ำยา 1 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 59 ส่วน จะได้ความเข้มข้นออกมาที่ 0.1% ส่วนถ้าหากใครอยากให้เข้มข้นขึ้นมาหน่อย ก็สามารถนำน้ำยา 1 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 11 ส่วนแทนก็ได้ จะได้ความเข้มข้นออกมาที่ 0.5% ค่ะ
7. คลอร็อกซ์

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : dejo

          คลอร็อกซ์ (Clorox) อีกหนึ่งน้ำยาฟอกผ้าขาวที่มี โซเดียมไฮโปคลอไรท์ เป็นสารประกอบสำคัญ ที่มีความเข้มข้น 6% ดังนั้นก่อนนำมาใช้ควรนำไปผสมน้ำเปล่าให้เจือจางให้เหลือความเข้มข้น 0.5% ก่อน โดยใช้ในอัตราน้ำยา 1 ส่วน ต่อน้ำ 11 ส่วน แล้วค่อยนำไปเช็ดถูตามวัสดุต่าง ๆ มีข้อควรระวังคือ น้ำยาชนิดนี้อาจกัดกร่อนวัสดุพื้นผิวที่เป็นสเตนเลส ในระหว่างทำความสะอาดก็ควรสวมถุงมือ เพราะหากผิวสัมผัสกับน้ำยาโดยตรงอาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้
8. โทมิ สูตร 1

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : bigc

          น้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ โทมิ (TOMI) สูตร 1 มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดพื้นผิวคล้ายกันกับ เดทตอล รุ่น ไฮยีน มัลติ-ยูส ดิสอินแฟคแทนท์ (ไม่มีมงกุฎสีฟ้า) เพราะมีสารเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium chloride or Alkyl dimethyl benzyl ammonium chloride) ที่ช่วยกำจัดเชื้อไวรัสเป็นส่วนประกอบเหมือนกัน แต่ในโทมิมีความเข้มข้นแค่ 1.0% ฉะนั้นเพื่อเจือจางให้มีความเข้มข้นเหลือ 0.05% ตามแหล่งข้อมูล จึงต้องผสมน้ำยา 1 ส่วน กับน้ำเปล่า 19 ส่วน และควรตรวจสอบความเข้มข้นก่อนใช้งาน รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้กับผิวหนังโดยตรงเหมือนกันค่ะ
9. เบตาดีน

          ในเบตาดีน (Betadine) มีสารโพวิโดนไอโอดีน (Povidone iodine) ความเข้มข้นของไอโอดีน 1% ซึ่งสามารถนำไปใช้ฆ่าเชื้อได้เลย ไม่ต้องเจือจาง แถมยังมีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่ควรใช้กับพื้นผิวที่เป็นโลหะ เพราะน้ำยาทำปฏิกิริยากับวัสดุ และควรใช้อย่างระวังเพราะอาจทำให้มีสีตกค้างได้หลังทำความสะอาด
 
10. เอทิลแอลกอฮอล์

ภาพผลิตภัณฑ์แอลซอฟฟ์จาก : leomedical

          เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป นอกจากจะใช้ทำความสะอาดมือได้แล้ว ยังใช้ทำความสะอาดพื้นผิวของสิ่งของได้ด้วย ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก สามารถนำน้ำไปเช็ดล้างได้โดยไม่ต้องเจือจาง ซึ่งสารจะเริ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อหลังจากเช็ดเสร็จประมาณ 1 นาที
11. ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์

          ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol) มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้ออ่อนกว่าแอลกอฮอล์ชนิดอื่นเล็กน้อย แต่สามารถใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อได้เหมือนกัน โดยให้เลือกใช้เป็นไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นไม่ต่ำกว่า 70% และไม่ต้องเจือจาง เช็ดล้างได้ตามปกติเลย
12. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ภาพผลิตภัณฑ์จาก : siribuncha

          ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) เป็นสารที่ช่วยฆ่าเชื้อได้ แถมสลายตัวง่าย ไม่เป็นพิษตกค้าง ซึ่งในการใช้ทำความสะอาดพื้นผิววัตถุควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 0.5% ทว่าที่ขายส่วนใหญ่มักจะมีความเข้มข้นประมาณ 3.0% จึงต้องนำมาเจือจางก่อน คือ นำน้ำยา 1 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 5 ส่วน และให้ใช้ทันทีหลังผสมเสร็จ และปล่อยทิ้งไว้ 1 นาทีค่อยล้างออก
 

          จากสถานการณ์ตอนนี้ บอกได้เลยว่าโคโรนาไวรัสกำลังระบาดหนักมาก ดังนั้นเพียงแค่น้ำยาทำความสะอาดแบบเดิมคงจะไม่พอ ขอแนะนำให้หันมาผสมน้ำยาฆ่าเชื้อจากสารที่มีประสิทธิภาพใช้เองกันดีกว่า เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่า บ้านและของใช้ต่าง ๆ ของเรา ปราศจากและห่างไกลจาก COVID-19 จริง ๆ นั่นเอง
 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก MDCU Pharmacology, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ทวิตเตอร์ hygienethailand และกรมควบคุมโรค
 

>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
 

รับรีวิวโครงการบ้านใหม่ คอนโดเปิดตัว ของแต่งบ้าน อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing คลิกเลย