7 วิธีปลูกมะเขือไว้กินเองที่บ้าน ครบทุกสายพันธุ์ยอดนิยม
วิธีปลูกมะเขือ 7 ชนิด ไว้กินเองที่บ้าน โตเร็ว ทำง่าย ไม่ยาก ครบทั้งมะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือพวง มะเขือม่วง มะเขือขื่น มะเขือไข่เต่า และมะเขือเทศเลย
มะเขือเปราะ (Thai Eggplant, Green Brinjal หรือ Kantakari) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Aculeatissinum Jacq. เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่ม ขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรง ผิวเรียบ ไม่มียาง ใบทรงหัวลูกศร ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอกออกตามซอกใบ รูปกงล้อ ไม่มีกลิ่น มีทั้งสีขาวและสีม่วง ส่วนผลเป็นทรงกลม เรียบ เนื้อแน่นกรอบฉ่ำน้ำ ส่วนใหญ่เป็นสีเขียว แต่ก็อาจจะเป็นสีขาว สีเหลือง หรือสีม่วงได้ตามสายพันธุ์ เนื้อด้านในเป็นเมือก และมีเมล็ดเยอะมาก
วิธีปลูกมะเขือเปราะ : เริ่มจากเตรียมแปลงปลูกและผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมีให้พร้อม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน จากนั้นมาผสมดิน 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และทรายหรือแกลบ 1 ส่วนลงในถาดเพาะกล้า แล้วหยอดเมล็ดลงไป คอยรดน้ำเช้า-เย็น จนกล้ามีใบจริงขึ้นมา 3-4 ใบ หรือมีอายุ 15 วัน ค่อยย้ายลงดินปลูก อย่าลืมกลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม โดยมะเขือชนิดนี้ชอบน้ำมาก ช่วงแรกควรรดทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือประมาณ 2วัน/ครั้ง เมื่อมีอายุ 65-90 วัน ต้นก็จะออกผลพร้อมแก่การเก็บเกี่ยว
2. มะเขือเทศ
มะเขือพวง (Plate Brush Eggplant) มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า Solanum Torvum Sw. เป็นไม้พุ่มยืนต้น ต่างจากมะเขือชนิดอื่น ๆ สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นขนาดใหญ่ ตั้งตรง มีขนปกคลุม มีหนามเล็ก ๆ ห่าง ๆ ขึ้นทั่ว ใบแน่น รากเป็นรากฝอย ขนานไปกับพื้นดิน ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝน ผู้คนนิยมโขลกกินกับน้ำพริก หรือเป็นผักจิ้ม สารอาหารเยอะ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กสูง
วิธีปลูกมะเขือพวง : ให้เพาะกล้าด้วยการหว่านเมล็ดลงในกระบะเพาะ แล้วรดน้ำให้ชุ่มเช้า-เย็น จนกว่ากล้าจะมีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ ค่อยย้ายลงแปลงปลูก ซึ่งแปลงปลูกต้องเตรียมดินไว้ก่อนประมาณ 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักให้เรียบร้อย จากนั้นก็นำกล้ามาปลูก เว้นระยะห่างให้เหมาะสม กลบโคนให้แน่น คลุมด้วยฟางข้าว และรดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ แต่ต้องระวังอย่าให้แฉะ หมั่นดูแลกำจัดวัชพืชเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเคมีได้ตามสมควร โดยมะเขือพวงเป็นไม้กลางแจ้ง ที่ทนความร้อนและแล้งได้ดี จึงดูแลไม่ยาก ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ค่อยมีปัญหาพืชหรือแมลงรบกวน แถมยังเก็บเกี่ยวได้เป็นเวลานานด้วย
4. มะเขือม่วง
มะเขือไข่เต่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum Xanthocarpum Schrad. & Wendl. เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1 เมตร อายุยืน ใบขนาดใหญ่ มีขนอ่อน ดอกสีขาวหรือม่วง ออกหลังปลูกประมาณ 30 วัน ผลห้อยย้อยลงข้างล่าง ทรงกลมหรือรี ขนาดเล็ก ผิวเรียบเป็นมัน มีหลายสี เช่น สีขาว สีเขียว สีเหลือง และสีม่วง รสชาติขื่นปนหวาน ข้างในมีเมล็ดเยอะ ผู้คนนิยมกินเป็นผักสด ผักดอง และผักจิ้มน้ำพริก
วิธีปลูกมะเขือไข่เต่า : เริ่มที่การผสมดินกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ส่วน ลงในถาดเพาะ แล้วจิ้มดินลึก 0.5 เซนติเมตร พร้อมกับหยอดเมล็ดลงไป กลบหน้าดินให้เรียบร้อย รดน้ำทุกเช้า-เย็น จนกล้าเริ่มโตหรือมีอายุ 25-30 วัน ค่อยย้ายลงดินปลูก ซึ่งถ้าปลูกในกระถาง ให้ใช้ดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 2:1 ส่วนเช่นกัน จากนั้นก็ขุดหลุมแล้ววางกล้าลงไป โดยในช่วงแรกควรตั้งในที่ร่มก่อน พอแข็งแรงแล้วค่อยย้ายออกไปตั้งให้โดนแดด
6. มะเขือยาว
มะเขือขื่น หรือมะเขือเหลือง (Cockroach Berry, Yellow Fruit Nightshade หรือ Yellow Berried Nightshade) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum aculeatissimum เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่ม ขนาดเล็ก ลำต้นกลม ตั้งตรง แข็งเหนียว มีหนามปกคลุมทั่ว และมีกลิ่นเฉพาะตัว ใบทรงเรียวรี โคนใบรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเว้า ก้านใบยาว มีหนามแหลมปกคลุมทั่ว ดอกทรงกรวย สีม่วง ส่วนผลทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน เปลือกหนามีเมือก เมื่อสุกเป็นสีเหลือง รสชาติฝาดเปรี้ยว มีเมล็ดเล็ก ๆ ข้างในจำนวนมาก
วิธีปลูกและดูแลมะเขือขื่น : ให้เพาะเมล็ดในถุงชำจนกระทั่งต้นกล้ามีอายุ 30 วัน ค่อยย้ายไปปลูกลงในดิน เว้นระยะห่างให้เหมาะสม โดยมะเขือชนิดนี้ทนแล้งได้ดี โตได้ในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายมากเป็นพิเศษ หมั่นรดน้ำเช้า-เย็น ทุกวัน แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดด และทำการตัดแต่งกิ่งเสมอ ไม่นานประมาณ 60 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้
แต่ละชนิดปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก แถมประโยชน์และสรรพคุณดีมาก เอาเป็นว่าใครชอบกินมะเขือชนิดไหน ก็ลองปลูกติดไว้ที่บ้านกันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการเกษตร, รักษ์บ้านเกิด, เฟซบุ๊กเกษตร อินเตอร์เชียงใหม่/กรมวิชาการเกษตร, wongkrasog, ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง และ พืชเกษตร
รับรีวิวโครงการบ้านใหม่ คอนโดเปิดตัว ของแต่งบ้าน อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing คลิกเลย